Tuesday, September 9, 2008

the mist(ake)


เมื่อวันก่อนตอนนั่งรถทัวร์กลับบ้าน กำลังจะหลับอยู่แล้วววว แม่งดันเปิดหนังให้ดู THE MIST
โอ้วววว หนังสัตว์ประหลาดเกรดบีแหงๆ เป็นหนังที่ไม่เคยคิดว่าจะดูเล้ยยย แต่กูนอนไม่หลับแล้วนี่นะ ดูๆไปหน่อยเหอะ ว่ามันจะเป็นหนังเห่ยอย่างที่คิดมั๊ย
คำเตือน::ถึงบรรทัดนี้ใครยังไม่ดู ไม่ควรอ่านนะ ควรจะไปดูซะก่อน
ก็ดูอยู่ตั้งนานมันก็ไม่ต่างไรกับหนังเกรดบีเลยนี่หว่า แอคชั่นก็ไม่มี สัตว์ประหลาดก็ไม่โผล่ ตกลงมันหนังอะไรว่ะเนี่ย รึมันจะเจอตัวแม่ตอนใกล้จบ ก็ดูมาเรื่อยๆถึงตอนจบ โอ้ววว เจ็บปวด รวดร้าว บาดลึกถึงทรวงใน แต่ว่าจริงๆน่าจะเจ็บกว่านี้ได้อีก หาข้อมูลเพิ่มเติมในเน็ต เนื้อเรื่องแต่งโดย stephen king แต่ว่าบทภาพยนตร์และกำกับโดย frank darabont (กำกับ shawshank และอื่นๆ)
ชอบอ่ะ จบแบบกระแทกได้ในระดับนึง แต่ว่าจริงๆมันน่าจะกดดันให้มากกว่านี้ตอนก่อนจะยิงปืนอ่ะนะ มันยังกดดันน้อยไปอ่ะ อยากให้มันแบบอัดอั้น อึดอัด ถ้าได้กว่านี้จะดีมากเลย หนังเรื่องนี้ถ้าคนที่หวังจะมาดูอะไรมันๆตื่นเต้นวิ่งหนีเอเลี่ยนก็คงผิดหวัง เพราะเรื่องนี้มันทำได้เบๆพื้นๆมาก แต่มันมีตอนจบที่เชิดหน้าชูตา ต่อจากนี้มาทวนตอนจบของหนังกันดีกว่า
เริ่มจากตัวเอกที่หนีจากฝูงชนในซูเปอร์มาร์เก็ต(สะใจจจจอีป้าปากมากตายมากกกก รู้สึกจิตใต้สำนึกกุจะโหดร้ายไปหน่อย) รอดเหลือกันห้าคนขี่รถหนีเอเลี่ยน ฝ่าหมอกหนาทึบ ขับไปบ้านพระเอก ปรากฎว่าเมียตายแว้ว เลยขับรถตรงไปเรื่อยๆจนน้ำมันหมด หมอกบ้านี่ก็ท่าทางจะอยู่ยาวจนจบเรื่องซะล่ะมั้ง อ้าว.. แล้วจะทำไงดีว่ะ เป็นกูก็ไม่รุ้จะทำไง อยู่ในซูเปอร์มาร์เก็ตก็น่าเบื่อ ในนั้นคนก็จิตหลุดกันหมด ว่าแล้วก็หยิบปืนมานับลูกปืน "กระสุนมีอยู่4นัด " น้องนางคนงามก็เอ่ยมาว่า "แต่..เรามีกัน5คน"
ชอบบทสนทนานี้จัง ก็ถ้ามันมี5นัดมันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอ่ะดิ จบเรื่องสบายไป ว่าไม่ทันขาดคำ ปัง ปัง ปัง ปัง ก๊อกๆๆ ยิงไม่ออก ห่ามาสิเว้ยยยย มาฆ่ากูมาเลย บรืนนนน ทหารแม่งเสือกโผล่มา สัตว์ประหลาดโดนกำจัด หมอกหาย ปลอดภัย ชาวโลก happy ending แต่พระเอกแทบบ้าตาย พลาดไปนาทีเดียวเอง
มาฟังผมวิเคราะห์กันหน่อย แตกมาได้หลายอย่างเลย
การใช้สัญลักษณ์ในหนัง อะไรบ้าง เท่าที่เห็น หมอกและเอเลี่ยนในนั้น แทนความกลัวที่มองไม่เห็น
เลือนลาง กดดัน อึดอัด ไม่เห็นทางออก
เรื่องนี้เล่นพระเจ้าเยอะมาก กับวิทยาศาสตร์และสิ่งที่มนุษย์กระทำ ว่าคนกลุ่มหนึ่งมีอำนาจและสิทธิ์อะไรที่จะกุมอนาคตของโลกไว้เอง อันนี้แอบนึกถึงรัฐบาลสหรัฐ
มนุษย์สัตว์ประเสริฐเมื่อสิ้นหวังอับจนหนทาง ก็แสดงสันดานดิบ ลึกๆของคนคือความบ้าหรือความดี
คนที่จนตรอกด้วยความกลัวสามารถทำได้ทุกอย่างแม้จะต้องฆ่ากันเองเพื่อให้ตนเองมีความหวังว่าจะอยู่รอด
และหนังก็สอนเราให้รู้จักที่จะมีความหวังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป แม้จะแค่1วินาทีก็มีค่า ตราบใดที่คุณหมดหวังเมื่อไร เมื่อนั้นคุณก็หมดทุกสิ่งทุกอย่างจริงๆ สิ่งที่จะชนะความกลัวก็คือความหวังนี่แหละ
ในโลกความจริงไม่มีใครเป็นฮีโร่ได้ตลอด ถึงแม้พระเอกจะดูเป็นผู้นำมากก็ตาม แต่เขาก็พาคนไปตายจนตัวเองรู้สึกผิดมากมาย สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจผิดพลาดที่ลั่นไกยิงทุกคนในรถ แถมตัดสินใจแทนลูกอีกว่าจะอยู่หรือตาย เหมือนกับที่มีข่าวฆ่ายกครัวน่ะแหละ
กระแทกใจดีเหลือเกินกับสิ่งผิดพลาดในความเป็นคน จัดการเปลี่ยนชื่อเรื่องจาก the mist เป็น the mistakeซะเลย

4 comments:

Anonymous said...

วิเคราะห์ได้ดีครับ น่าจะเขียนลงห้องเฉลิมไทยได้เลย
ไปดูในโรงมา อึ้งไปเลย
ชีวิตช่างโหดร้าย..

ถ้าชอบหนังแนวนี้ ขอแนะนำให้ดู The Happening ด้วยครับ

Anonymous said...

ไอ้กูจะให้มึงหยุดเล่าก็ไม่ได้เพราะกูยังไม่ได้ดู ไอ้จะไม่อ่านแม่งตัวหนังสือก็จะทิ่มตาอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นกูเลยอ่าน entry แค่ครึ่งเดียวก่อน(ครึ่งเดียวจริงๆเพราะกูนับบรรทัด [จะให้กูนับตัวอักษรก็ไม่ไหวว่ะ]ได้ครึ่งหนึ่งของจอขนาดกูพอดี) ไว้ดูจบจะมาอ่านต่อ(แต่มึงก็ไม่รู้หรอกว่ากูจะดูจบเมื่อรัย 5555+)

Anonymous said...

ดูแล้ว
แต่ไม่เห็นจะคิดมากแบบพี่
ปวดหัว*-*

Anonymous said...

เอามาให้ดูมั่งสิคุณพี่ อยากดู...1348112